เมื่อคุณพบว่าโปรแกรม Antivirus ของคุณทำงานผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งเตือนแปลกๆ ไม่สามารถสแกนได้ หรือสงสัยว่าโปรแกรมหยุดทำงาน การตรวจสอบสถานะพื้นฐานและการอัปเดตโปรแกรมถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญที่สุด เพราะ Antivirus ที่ล้าสมัยหรือไม่ทำงานอย่างสมบูรณ์จะไม่สามารถปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณจากภัยคุกคามใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การดูแลให้โปรแกรมได้รับการอัปเดตอยู่เสมอเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการป้องกันที่แข็งแกร่ง
เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบว่าโปรแกรม Antivirus ของคุณ กำลังทำงานอยู่และอยู่ในสถานะ "เปิดใช้งาน" (Active) หรือ "ป้องกันอยู่" (Protected) หรือไม่
โดยปกติแล้ว คุณสามารถดูสถานะได้จากไอคอนของโปรแกรมใน System Tray (มุมขวาล่างของหน้าจอ Windows) หรือในเมนูบาร์ (สำหรับ macOS)
หากไอคอนแสดงสถานะเป็นสีแดง สีเหลือง หรือมีเครื่องหมายตกใจ แสดงว่าโปรแกรมอาจมีปัญหา
เปิดหน้าต่างโปรแกรม Antivirus ขึ้นมา และตรวจสอบข้อความแจ้งเตือนหรือสถานะที่แสดงบนหน้าจอหลักของโปรแกรม
โปรแกรมควรแจ้งว่าการป้องกันแบบเรียลไทม์ (Real-time Protection) เปิดใช้งานอยู่ และฐานข้อมูลไวรัสได้รับการอัปเดตเป็นปัจจุบัน
สิ่งสำคัญที่สุดคือการตรวจสอบว่า ฐานข้อมูลไวรัส (Virus Definitions) ของคุณได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด แล้วหรือไม่
ฐานข้อมูลไวรัสเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับ Antivirus ในการจดจำและตรวจจับภัยคุกคามใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นทุกวัน
ในโปรแกรม Antivirus ให้หาปุ่มหรือตัวเลือก "Update" (อัปเดต) หรือ "Check for Updates" (ตรวจสอบการอัปเดต) แล้วทำการอัปเดตฐานข้อมูลไวรัสด้วยตนเอง
หากโปรแกรมไม่สามารถอัปเดตได้อัตโนมัติ หรือไม่ยอมอัปเดต ให้จดบันทึกข้อความผิดพลาดที่ปรากฏขึ้นไว้
ตรวจสอบว่า โปรแกรม Antivirus เองก็ได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด ด้วยเช่นกัน นอกเหนือจากฐานข้อมูลไวรัส
การอัปเดตโปรแกรมหลักจะช่วยแก้ไขบั๊ก ปรับปรุงประสิทธิภาพ และเพิ่มความเข้ากันได้กับระบบปฏิบัติการ
หากโปรแกรมของคุณไม่ได้เป็นเวอร์ชันล่าสุด ลองเข้าไปที่เว็บไซต์ของผู้พัฒนา Antivirus เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้งเวอร์ชันใหม่ล่าสุด หรือใช้ฟังก์ชันอัปเดตในตัวโปรแกรม
การรีสตาร์ทคอมพิวเตอร์หลังจากการอัปเดต Antivirus ก็สามารถช่วยให้โปรแกรมทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น.