หนึ่งในสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดที่ทำให้โปรแกรม Antivirus ทำงานผิดปกติ หรือเกิดอาการค้าง ช้าผิดปกติ คือการที่คอมพิวเตอร์ติดตั้งโปรแกรม Antivirus ไว้มากกว่าหนึ่งโปรแกรมในเวลาเดียวกัน โปรแกรม Antivirus เหล่านี้อาจจะขัดแย้งกันเองในการเข้าถึงไฟล์ระบบ หรือทรัพยากรต่างๆ เพื่อทำการสแกนและป้องกัน ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาประสิทธิภาพ หรือทำให้โปรแกรมหนึ่งไม่ทำงานเลย การแก้ไขปัญหานี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการรักษาความเสถียรของระบบ
สิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องจำไว้คือ คุณไม่ควรติดตั้งโปรแกรม Antivirus ไว้มากกว่าหนึ่งโปรแกรม ที่มีการป้องกันแบบเรียลไทม์ (Real-time Protection) ในคอมพิวเตอร์เครื่องเดียวกัน
โปรแกรม Antivirus แต่ละตัวจะพยายามควบคุมและตรวจสอบไฟล์ระบบอย่างเข้มงวด เมื่อมีสองโปรแกรมพยายามทำเช่นเดียวกัน ก็จะเกิดความขัดแย้งขึ้น
ตรวจสอบว่าคุณมีโปรแกรม Antivirus หลักเพียงตัวเดียวที่เปิดใช้งานการป้องกันแบบเรียลไทม์อยู่
หากคุณสงสัยว่ามีโปรแกรม Antivirus อื่นติดตั้งอยู่ ลองตรวจสอบใน Control Panel > Programs and Features (สำหรับ Windows) หรือ Applications (สำหรับ macOS) เพื่อดูรายการโปรแกรมที่ติดตั้ง
ค้นหาโปรแกรม Antivirus หรือโปรแกรมความปลอดภัยอื่นๆ ที่คุณจำไม่ได้ว่าติดตั้ง หรือเป็นโปรแกรมเก่าที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว
หากพบ ให้ทำการ ถอนการติดตั้ง (Uninstall) โปรแกรม Antivirus ตัวที่สองออก ให้หมดจด
ใช้เครื่องมือถอนการติดตั้งเฉพาะที่ผู้พัฒนา Antivirus มักจะมีให้ (เช่น "Removal Tool" หรือ "Uninstall Utility") เพื่อให้แน่ใจว่าได้ลบไฟล์ตกค้างและ Registry Keys ทั้งหมดออกไปอย่างสมบูรณ์
การใช้เครื่องมือถอนการติดตั้งทั่วไปของ Windows อาจไม่ลบข้อมูลทั้งหมดออกไป
หลังจากถอนการติดตั้งโปรแกรม Antivirus ตัวที่สองออกแล้ว ให้ รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ ของคุณหนึ่งครั้ง
จากนั้นตรวจสอบว่าโปรแกรม Antivirus หลักของคุณสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและไม่มีข้อความผิดพลาดปรากฏขึ้น
หากคุณต้องการใช้โปรแกรม Antivirus ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ (เช่น Windows Defender) คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ปิดหรือถอนการติดตั้งโปรแกรม Antivirus ของบุคคลที่สามออกไปก่อน
การจัดการ Antivirus ให้มีเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานอยู่ จะช่วยให้คอมพิวเตอร์ของคุณทำงานได้เสถียรและได้รับการป้องกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด.