เมื่อ Adobe Photoshop ของคุณมีอาการผิดปกติ เช่น โปรแกรมค้าง ทำงานช้า ฟังก์ชันบางอย่างไม่ทำงาน หรือเปิดไฟล์ไม่ได้ สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดคือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าโปรแกรม Photoshop และระบบปฏิบัติการของคุณได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดเสมอ การอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำจะช่วยแก้ไขบั๊กข้อผิดพลาด ปรับปรุงประสิทธิภาพ และเพิ่มความเข้ากันได้กับระบบและอุปกรณ์ใหม่ๆ ซึ่งบ่อยครั้งเพียงพอที่จะแก้ไขปัญหาเบื้องต้นได้ และการรีเซ็ตการตั้งค่าชั่วคราวก็สามารถช่วยได้
เริ่มต้นด้วยการตรวจสอบว่า Adobe Photoshop ของคุณได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุด แล้วหรือไม่
เปิดแอปพลิเคชัน Creative Cloud Desktop (ซึ่งเป็นตัวจัดการโปรแกรม Adobe)
ไปที่ส่วน "Apps" (แอป) และตรวจสอบว่ามีปุ่ม "Update" (อัปเดต) ปรากฏอยู่ข้าง Photoshop หรือไม่
หากมี ให้คลิก "Update" เพื่อดาวน์โหลดและติดตั้งเวอร์ชันล่าสุด การอัปเดตจะช่วยแก้ไขข้อบกพร่องที่ผู้พัฒนาค้นพบและแก้ไขไปแล้ว
นอกจาก Photoshop แล้ว คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า ระบบปฏิบัติการ Windows หรือ macOS ของคุณก็ได้รับการอัปเดตเป็นเวอร์ชันล่าสุดด้วย
สำหรับ Windows: ไปที่ Settings > Windows Update > Check for updates
สำหรับ macOS: ไปที่ System Settings (หรือ System Preferences) > General > Software Update
การอัปเดตระบบปฏิบัติการมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะ Photoshop ต้องพึ่งพิงส่วนประกอบบางอย่างของระบบปฏิบัติการในการทำงาน
หลังจากติดตั้งอัปเดตทั้งหมดแล้ว สิ่งสำคัญคือการ รีสตาร์ทคอมพิวเตอร์ ของคุณแบบสมบูรณ์ ไม่ควรเลือกแค่ Sleep แต่ควรเลือก "Restart" หรือ "Shut Down" แล้วเปิดเครื่องใหม่
หากปัญหายังคงอยู่ ลองทำการ รีเซ็ต Preferences (การตั้งค่า) ของ Photoshop ซึ่งมักจะช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดจากการตั้งค่าที่เสียหายได้
โดยการกดปุ่ม Alt+Control+Shift (สำหรับ Windows) หรือ Option+Command+Shift (สำหรับ macOS) ค้างไว้ทันทีที่คุณเปิด Photoshop
จะมีกล่องโต้ตอบถามว่าต้องการลบไฟล์การตั้งค่าหรือไม่ ให้คลิก "Yes" การทำเช่นนี้จะคืนค่าการตั้งค่า Photoshop ทั้งหมดกลับสู่ค่าเริ่มต้นจากโรงงาน
การทำตามขั้นตอนนี้อย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณหลีกเลิกปัญหาซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการอัปเดตและประสิทธิภาพได้อย่างมีนัยสำคัญ.