การรีสตาร์ทอุปกรณ์ต่างๆ ถือเป็นหนึ่งในวิธีแก้ไขปัญหา Wi-Fi ที่ง่ายที่สุดแต่มีประสิทธิภาพสูงอย่างไม่น่าเชื่อ และมักจะสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดชั่วคราวที่เกิดขึ้นกับระบบเครือข่ายหรืออุปกรณ์ได้ การทำเช่นนี้จะช่วยรีเฟรชการเชื่อมต่อ ล้างค่าที่ค้างอยู่ในหน่วยความจำ และเริ่มต้นกระบวนการเชื่อมต่อใหม่ทั้งหมด ซึ่งบ่อยครั้งเพียงพอที่จะทำให้ Wi-Fi กลับมาทำงานได้ตามปกติ
เริ่มต้นด้วยการ รีสตาร์ทเราเตอร์ (Router) และ โมเด็ม (Modem) ของคุณ โดยวิธีที่แนะนำคือการถอดปลั๊กไฟของทั้งสองอุปกรณ์ออกพร้อมกัน
ถอดปลั๊กออกเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วินาที เพื่อให้แน่ใจว่าประจุไฟฟ้าทั้งหมดถูกคายออกจนหมด
จากนั้นเสียบปลั๊กโมเด็มกลับเข้าไปก่อน และรอให้ไฟแสดงสถานะทั้งหมดกลับมาเป็นปกติ (อาจใช้เวลา 1-2 นาที)
เมื่อโมเด็มพร้อมใช้งานแล้ว จึงเสียบปลั๊กเราเตอร์กลับเข้าไป และรอให้ไฟแสดงสถานะของ Wi-Fi และอินเทอร์เน็ตติดสว่างและเสถียร
การรีสตาร์ทอุปกรณ์เครือข่ายนี้จะช่วยรีเซ็ตการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) และล้างแคชเครือข่ายภายในเราเตอร์
หลังจากรีสตาร์ทเราเตอร์/โมเด็มแล้ว ให้ทำการ รีสตาร์ทอุปกรณ์ปลายทาง ที่คุณต้องการเชื่อมต่อ Wi-Fi ด้วย
หากเป็นโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ต ให้ปิดเครื่องแล้วเปิดใหม่ หรือใช้ฟังก์ชันรีสตาร์ท
หากเป็นโน้ตบุ๊ก ให้ปิดเครื่องแบบสมบูรณ์แล้วเปิดใหม่ (ไม่ใช่แค่ Sleep)
การรีสตาร์ทอุปกรณ์ปลายทางจะช่วยให้ระบบปฏิบัติการและไดรเวอร์ Wi-Fi ของอุปกรณ์ได้รับการรีเซ็ต ซึ่งสามารถแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อที่เกิดจากความผิดพลาดของซอฟต์แวร์ชั่วคราวได้
ในบางกรณี การรีสตาร์ทเพียงครั้งเดียวอาจไม่เพียงพอ หากปัญหายังคงอยู่หลังจากทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ให้ลองทำซ้ำอีกครั้ง เพราะบางครั้งอาจต้องใช้เวลาเล็กน้อยในการเชื่อมต่อใหม่ทั้งหมด
การทำตามขั้นตอนนี้อย่างเป็นลำดับจะช่วยให้ระบบเครือข่ายและอุปกรณ์ของคุณได้รับการรีเฟรชอย่างทั่วถึง ทำให้ปัญหา Wi-Fi ที่เกิดจากข้อผิดพลาดชั่วคราวได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ.